ช่วยแชร์ด้วยนะค่ะ

เปิดประวัติศิลปะ มวยไทย ( Muay Thai )

“มวย” นับว่าเป็นศิลป์การต่อสู้ที่มีมาตั้งแต่โบราณ สอนกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงสู่ตอนนี้ แต่ว่าคนใดจะทราบว่ากว่าจะมาเป็นมวยไทยถึงขณะนี้ไม่ได้ง่ายเลย พวกเรามาดูกันเหอะว่าที่มาของมวยไทยเกิดมาได้อย่างไร

เรื่องราวมวยไทยเป็นประวัติศาสตร์อันช้านานของมวยไทย เริ่มมีแล้วก็ใช้กันสำหรับเพื่อการการรบอดีต มีคุณสมบัติของการต่อสู้ปกป้องด้วยการใช้อวัยวะในส่วนซึ่งสามารถใช้ทำร้ายคู่แข่งได้ มาใช้งานอย่างชาญฉลาด รวมทั้งมีศิลป์อย่างมาก ดังเช่น หมัด ศอกแขน เท้า ลำแข้ง แล้วก็หัวเข่าฯลฯ นับเป็นศิลป์ประจำชาติ รวมทั้งเป็นเอกลักษณ์ที่สะดุดตาอย่างหนึ่งของคนประเทศไทย และก็ได้มีการประยุกต์ใช้ผลดีอย่างเป็นจริงเป็นจังในกลุ่มทหาร เนื่องจากว่าในแต่ก่อน ชาวไทยจำต้องผจญกับสงครามโดยตลอด ก็เลยจำต้องฝึกหัดไว้ให้ช่ำชองเพื่อใช้สำหรับการต่อสู้ และก็ก่อตั้งสำนักมวยขึ้นเพื่อฝึกการสอนให้บุตรหลานมาตกทอดวิชาต่อจากคนภายในครอบครัว

ประวัติมวยไทยสมัยกรุงสุโขทัย (ประมาณช่วงระหว่าง ปี พ.ศ. 1781-1918)

ยุคกรุงจังหวัดสุโขทัย มวยไทยนับว่าเป็นศาสตร์ชั้นสูงที่ถูกใส่ไว้ภายในหลักสูตรการเรียนของกษัตริย์ เพื่อฝึกฝนให้กษัตริย์เป็นนักสู้ที่มีความอาจหาญ มีความสามารถร่างกายที่บรรเจิด ดังใจความปรากฏตามประวัติศาสตร์ว่า บิดาขุนศรีอินทราทิตย์ทรงส่งพระราชโอรสตกบุตรชายองค์ลำดับที่สองไปฝึกหัดมวยไทยที่สำนักสมอคอน ตำบลเมืองจังหวัดลพบุรี หรือการที่บิดาขุนรามคำแหงทรงนิพนธ์ตำหรับตำราพิชัยสงคราม โดยมีความใจความบางตอนเอ๋ยถึงมวยไทย พร้อมกันไปกับการใช้อาวุธอย่างกระบี่ หอก มีด โล่ หรือธนูอีกด้วย

ประวัติมวยไทย สมัยกรุงศรีอยุธยา (ประมาณช่วงระหว่าง ปี พ.ศ. 1893 – 2310)

ยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ยุคนี้ประเทศชาติสงบร่มเย็นเป็นสุขรวมทั้งเจริญ ท่านทรงให้การช่วยเหลือรวมทั้งสนับสนุนการกีฬาอย่างมากมาย โดยเฉพาะมวยไทยที่นิยมกันจนถึงเปลี่ยนเป็นมวยอาชีพ รวมทั้งมีค่ายมวยต่างๆเกิดมากมาย มวยไทยปัจจุบันต่อยกันบนลานดิน โดยใช้เชือกเส้นเดียวกันรอบๆเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส นักมวยจะใช้ด้ายดิบชุบแป้งหรือน้ำมันดินจนถึงแข็งพันมือ เรียกว่า มวยคาดเชือก นิยมใส่มงคลไว้ที่หัว รวมทั้งผูกผ้ายันต์ไว้ที่ต้นแขนตลอดการชิงชัย การเปรียบเทียบคู่ต่อยนั้นเอาความพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย มิได้ระบุขนาดรูปร่างหรืออายุ โดยมีข้อตกลงกล้วยๆว่าต่อยจนกระทั่งอีกข้างจะยอมยกธงขาว

 ประวัติมวยไทยสมัยกรุงธนบุรี (ประมาณช่วงระหว่าง ปี พ.ศ. 2310 – 2325)

ตลอดเวลา 14 ปีของกรุงธน ประเทศชาติอยู่ในตอนฟื้นฟูภายหลังพระเจ้าตากสินกู้เสรีภาพคืนมาได้ การฝึกหัดมวยไทยในปัจจุบันก็เลยฝึกฝนเพื่อราชการทหารแล้วก็การสู้รบอย่างแท้จริง การจัดชกมวยในยุคกรุงธนนิยมนำนักมวยต่างเมืองหรือลูกศิษย์ต่างอาจารย์มาต่อยกัน โดยไม่มีกฎข้อตกลงการประลองอย่างเป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรมและไม่มีการระบุคะแนน จะกระทำต่อยกันกระทั่งอีกข้างจะยอมยกธงขาว บนสังเวียนซึ่งเป็นลานดินรอบๆวัด คาดมงคลรวมทั้งนิยมผูกผ้าประเจียดดังเช่นเดิม

ประวัติมวยไทย สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (ประมาณช่วงระหว่าง ปี พ.ศ. 2325 – ปัจจุบัน)

กีฬาชกมวยไทยเป็นที่นิยมมากมายในยุคต้นรัตนโกสินทร์ สมัยที่ถือว่าเจริญก้าวหน้าที่สุดเป็น รัชกาลที่ 5 ท่านได้เรียนฝึกซ้อมการชกมวยไทยรวมทั้งโปรดให้จัดแจงชิงชัยชกมวยหน้าพระที่นั่งโดยเลือกเฟ้นนักมวยเก่งจากภาคต่างๆมาทดสอบแข่ง แล้วก็พระราชทานตั้งให้มีบรรดาศักดิ์ อีกทั้งโปรดให้กรมกระทรวงศึกษาธิการ ใส่การสอนมวยไทยเป็นวิชาบังคับ ในสถานศึกษาฝึกอาจารย์บริหารร่างกาย มีการชกมวยมอบหน้าพระที่นั่งบ่อยๆจนกระทั่งยุค รัชกาลที่ 6 ที่วังสวนดอกกุหลาบ ทั้งยังการต่อสู้ต่อสู้ระหว่างนักมวย กับอาจารย์มวยคนประเทศไทยร่วมกัน รวมทั้งการต่อสู้ระหว่างนักมวย กับคุณครูมวยต่างประเทศ สำหรับในการชิงชัยชกมวยในยุครัชกาลที่ 6 ระหว่างมวยเลี่ยะผะ (กังฟู) คนจีนโพ้นทะเล ชื่อนายย่างฉ่าง กับ นายยัง หาญสมุทร ลูกศิษย์เอกของ กรมหลวงจังหวัดชุมพรเขตอุดมอำนาจ มีท่าถึงมวยแบบมวยวัวราช ซึ่งเน้นย้ำการยืดตัวตั้งสูงเด่นพร้อมที่จะรุกรวมทั้งรับโดยเน้นย้ำการใช้เท้าแล้วก็หมัดเหวี่ยง

แล้วก็ถัดมาได้เป็นตัวอย่างสำหรับในการฝึกมวยไทยในสถาบันกายบริหารจำนวนมาก ยุค รัชกาลที่ 7 ในสมัยแรกการประลองมวยไทยใช้การพันมือด้วยเชือก จนกว่านายแพ เลี้ยงดีเลิศ นักมวยจากท่าเสา จังหวัดอุตรดิตถ์ ต่อยนายเจียร์ นักมวยเขมร ด้วยหมัดเหวี่ยงควายถึงแก่เสียชีวิต ก็เลยเปลี่ยนแปลงมาสวมนวมแทน ถัดมาเริ่มมีการระบุข้อตกลงสำหรับในการต่อย รวมทั้งมีเวทีมาตรฐานขึ้นที่แรกเป็นเวทีลุมพินีรวมทั้งเวทีราชดำเนินจัดชิงชัยมวยไทยมาจนถึงตอนนี้

หน้าหลัก

สมัครสมาชิก

โปรโมชั่น

ติดต่อเรา