
ประวัติมวยสากล – กติกา เทคนิค และประวัติศาสตร์
มวยสากล (Boxing) เป็นศิลปะการต่อสู้ที่สู้กันด้วยหมัดทั้งยัง 2 ข้าง เป็นการต่อสู้ที่มีมาแต่ว่าโบราณ โดยเป็นการต่อสู้ด้วยมือไม่ของทหารในสนามรบ และก็เปลี่ยนเป็นเกมกีฬาสำหรับเพื่อการชิงชัยโอลิมปิกสมัยโบราณ นักมวยในสมัยนั้นไม่มีการจำกัดน้ำหนัก ไม่สวมเครื่องป้องกันภัย และไม่จำกัดว่าจำต้องใช้ได้เพียงแต่หมัด สามารถกัดหรือถองคู่แข่งขันได้ เพราะว่าไม่มีข้อตกลงเท่าไรนัก
มวยสากลในประเทศไทย
มวยสากลหรือที่เรียกในสมัยแรกว่า “มวยฝรั่ง” ไปสู่เมืองไทยทีแรกราว 2455 โดยได้ตัวอย่างจากอังกฤษ หัวหน้ามาเผยแพร่เป็น ม.จ.วิบูลย์สวัสดิตระกูล สวัสดิกุล การต่อยระหว่างนักมวยสากลคนไทยกับต่างประเทศมีขึ้นหนแรกเมื่อ 7 ธ.ค. 2472 ในวันนั้น กาญจน์ นิวาศวัต นักมวยไทยมีชื่อเสียงขึ้นสังเวียนเป็นคู่แรก
กติกามวยสากล
ข้อตกลงสำหรับเพื่อการต่อย จะแบ่งการต่อยเป็น 5 ชู ใน 1 ชู มีเวลา 5 นาที ต่อยกับคู่แข่งขันเพื่อได้คะแนน สู้จนกระทั่งครบ 5 ชู ก็จะรวมคะแนนว่าใครชนะ หากภายในช่วงเวลา 1 ชู สามารถทำให้คู่แข่งไม่อาจจะต่อยถัดไปได้ก็ชนะข้อตกลงมวยสากลสมัครเล่น
- ผู้ตัดสินให้แต้มตัดสิน 3 คน
- แต่ละคนให้แต้มข้างหลังจบแต่ละชู 10 หรือ 9
- ครบ 3 ชู (ชาย) มีคะแนนเต็ม 30
- ครบ 4 ชู (หญิง) คะแนนเต็ม 40
- กรณีผู้ตัดสิน 3 คนให้ชนะ 1 เสมอ 2 จะต้องมองผลคะแนนของผู้ตัดสินที่ให้เสมอ เฉพาะ 2 ชูข้างหลังแค่นั้น เหตุผลเป็นใครกันแน่อึดกว่ากัน คนนั้นต้องเป็นผู้ชนะ
กฎสำหรับนักมวยโอลิมปิก
- นักมวยจะต้องจับมือกันก่อนรอบแรกและก็ภายหลังมีการประกาศผลจากการแข่งขัน
- อายุสำหรับเพื่อการชกมวยโอลิมปิก จะต้องมีอายุไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 19 ปี (กำหนดเกณฑ์อายุมากขึ้นจากปี 2013) แล้วก็อายุสูงสุด 34 ปี
- นักมวยจะต้องมีผมหงอกหรือผมบริเวณใบหน้า ไม่เกินความยาวของริมฝีปากบน รวมทั้งหนวดเคราเป็นเรื่องต้องห้าม
- นักมวยจำต้องชั่งน้ำหนักทุกวัน
- นักมวยจำเป็นต้องสวมถุงมือมวยตามมาตรฐาน AIBA ถุงมือมีน้ำหนัก 10 ออนซ์แล้วก็มีแถบสีขาว เพื่อทำเครื่องหมายพื้นที่ตีหลัก
- ผู้แข่งขันจำต้องใส่สีแดงหรือสีน้ำเงิน
- ชุดหุ้มหัวถูกเอาทิ้งในการชิงชัยชนิดชายในปี 2013 เพราะเหตุว่าการศึกษาเล่าเรียนพบว่าการเสี่ยงต่อการเช็ดกกระทบชนสูงยิ่งกว่า